วันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2562

10 เหตุผลที่คนชอบทำธุรกิจด้วยแนวคิดของ Startup (ตอนที่ 2) โดย อาจารย์อ๊ะ(The Prince of Startup)

"มาครับมาต่อกันครับ!" กับเหตุผลลำดับต่อไปกันใครที่ยังไม่ได้อ่านเหตุผลที่ 1-2 ย้อนกลับไปอ่านในเนื้อหาก่อนหน้าก่อนน่ะครับที่ ลิงค์นี้ https://draft.blogger.com/blogger.g?blogID=8614304896393742629#editor/target=post;postID=8990594661176973780;onPublishedMenu=allposts;onClosedMenu=allposts;postNum=1;src=postname

วันนี้เราจะมาพูดถึงเหตุผลลำดับที่ 3  กันสำหรับใครที่กำลังจะสนใจเริ่มต้นในธุรกิจสตาร์ทอัพ (Startup) กันจนทำให้ผมนึกถึงคำพูดของ คุณแจ๊ค Claim Di สายสตาร์ทอัพ แอปเครมรถประกันทันใจที่ว่า "งานของสตาร์ทอัพเป็นงาน "ควาย" ใช่ครับ ผมเขียนไม่ผิด ใช้คำว่า "ควาย" 1,000% ครับ ทำไม   เหรอครับ เพราะว่ามัน "ควาย" จริงๆๆ 5555 ไม่ใช่ครับ ผมไม่ได้หมายถึงว่ามันจะต้องทำตัวเป็นแบบนั้นแต่จริงๆ(มันก็ใช่น่ะ 555 ในความคิดของผม) แต่อย่าไปเปรียบเทียบจนเราท้อแท้ใจกันดีกว่ามาดูเนื้อแท้ของคำว่า สตาร์ทอัพกัน มันก็ไม่ได้หอมหวนเหมือนที่ คุณ ไผท ผดุงถิ่น Founder Builk และ ประธานสมาคมไทยแลนด์เทคสตาร์ทอัพ ได้เคยกล่าวไว้ในงาน  Startup Thailand เมื่อหลายปีก่อน เป็นสตาร์ทอัพมันไม่ได้เท่ห์หรอกครับ! แต่ผมว่ามันให้อะไรมากกว่านั้นครับ นั่นก็อาจจะนำไปสู่เหตุผลข้อที่ 3  ว่า "คนชอบทำธุรกิจด้วยแนวคิดของ Startup เพราะอะไร? มาดูกันครับ!"


ถ้า "ควาย" เปรียบเสมือนตัวแทนของ
-ความอดทน
-ความต่อสู้ต่อทุกอุปสรรค
-การเดินหน้าไปตามท้องนาอย่างไม่ต้องกังวลว่าจะไปเจออะไรข้างหน้า
-ไม่สั่นไหวเมื่อต้องพบกับอุปสรรคดินฟ้าอากาศที่โชคไม่อำนวย
-และต้องไม่โทษชะตาฟ้าดินว่าตัวเราเกิดมาเป็น "ควาย" ฉันท์ใด ก็เพราะเราเลือกเส้นทางสตาร์ทอัพฉันท์นั่น!

นี่ละครับคือ แก่นแท้และหัวใจของการเป็น สตาร์ทอัพ(Startup) ยิ่งกว่า 1,000%  ถึงแม้เปลือกนอกจะดูสวยหรูแต่แก่นแท้ข้างในก็เป็นลักษณะข้างต้นที่ผมกล่าวมานั่นแหล่ะครับ ดังนั้น เหตุผลที่ 3 ว่า "คนชอบทำธุรกิจด้วยแนวคิดของ Startup เพราะอะไร? คือ

เหตุผลที่ 3: คนส่วนใหญ่คิดว่าทำสตาร์ทอัพแล้วจะสบายดูเท่ห์ไม่เหมือนใครน่าสนใจมาทำกันเถอะ!

เหตุผลสนับสนุน:  ทุกคนคิดว่าถ้าคนอื่นทำสำเร็จแล้วเราก็น่าจะทำสำเร็จเหมือนกันไม่น่ายากน่าจะทำได้เราคิดว่า เราสามารถเลียนแบบคนโน่นคนนี้ได้แล้วปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจนิดหน่อยก็น่าจะไปได้ ผมต้องย้ำว่า อันนี้เป็นเหตุผลสนับสนุนที่คนส่วนใหญ่จะคิดเข้าข้างตัวเองน่ะครับ  ทั้งมือใหม่และมือเก่าทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่น ร้อยละกว่า 90% คิดแบบนี้กันหมดครับ จึงเป็นที่มาของการเกิดใหม่ของธุรกิจสตาร์ทอัพรายวัน เรียกกันว่า "เกิดรายวัน ตายกันรายสัปดาห์กันเลยทีเดียว!"  อย่าเพิ่งท้อใจกันครับ ผมจะพาทุกท่านไปดูความจริงกันก่อนและจะเป็นกำลังใจให้ทุกท่านอย่างแน่นอนเพราะผมผ่านจุดหินๆๆ มาหมดล่ะ!

ความจริง: คือ "เราไม่รู้ว่าเราจะขายสินค้าหรือบริการของเราได้หรือเปล่า?" ทางออกคือ "อย่ามโนไปเองครับ" ภาษาของสตาร์ทอัพ คือ เราต้องทำ MVP(Minimum Viable Product) สินค้าหรือบริการขึ้นต้นอาจเรียกมันว่า "ตัวต้นแบบ" ให้ลูกค้าไปทดลองใช้หรือร่วมทดสอบกับลูกค้าก่อนครับ ว่าลูกค้าชอบมั้ยมี Function ไหนต้องปรับเปลี่ยนหรือต้องปรับปรุง ไม่ต้อง มโนไปเองครับ เน้นการถามเพื่อเอาคำตอบจากลูกค้า เอาสูตร การถาม 5 Why มาถามกับลูกค้าของเราเลยครับ ถามไปถามมาอาจจะเป็น 10 Why หรือ 100 Why ก็ต้องถามครับ!  เพราะงานของสตาร์ทอัพ ต้องเน้นคำว่า "อดทน" จริงๆๆ ครับ อดทนเหมือนอะไรเหรอ? ผมได้เกริ่นไว้แล้วข้างต้น 5555 (ดูในรูปเองครับ 5555)  ความสวยหรูที่เปลือกนอกของสตาร์ทอัพมันจะเกิดจากความที่เราได้เข้าใจลูกค้าของเราได้มากกว่าใคร(Customer Insight)  หรือภาษาของสตาร์ทอัพจะเรียกว่า (Empathize) อ่านว่า "เอมพาไทร์" แปลว่า "เข้าใจลูกค้าได้อย่างลึกซึ้งหรือเข้าถึงลูกค้าของเรานั่นเอง" ดังนั้น ไม่ต้องไปกลัวครับ ว่า "ไอเดียที่เราทำในธุรกิจสตาร์ทอัพนั่นจะเหมือนใครต่อให้ไอเดียที่เหมือนกันของสตาร์ทอัพก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องเป็นผู้ที่แพ้เสมอเพราะไอเดียที่เหมือนกันของผู้ที่มาทีหลังก็อาจจะสำเร็จได้มากกว่าผู้ที่เข้าตลาดมาก่อนก็เป็นไปได้ เช่น  คุณ Joe แอป QueQ ที่เราจะต้องมีไว้โหลดแทนการต่อคิวสมัยก่อนในการไปรับประมานอาหารที่ร้าน  Ziller(ซิสเลอร์) ร้าน บาบิคิว พล่าซ่า หรือ ร้าน ไก่ บอนชอน แอปนี้ผมชอบมากเพราะ "ผมจะได้ไม่ต้องไปยื่นรอเรียกคิวที่หน้าร้านหลาย 10 คิว" มันเสียเวลาโดยใช่เหตุครับ และแอปนี้ก็ออกมาแก้ปัญหา(Plain Point) นี้ให้กับลูกค้าอย่างเราๆ ได้เป็นอย่างดีแถมที่ร้านค้าก็เกิด Win-Win Situation กับเจ้าของแอปไปด้วย เรียกได้ว่า ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดประโยชน์ธุรกิจกันครบ 3 ฝ่ายเมื่อนั้น สตาร์ทอัพ(Startup) นั่นไปรุ่งแน่นอนเพราะมีคนใช้และมีคนให้เงินใ้ห้กับเจ้าของที่พัฒนา Model ธุรกิจนี้ขึ้นมา เรียกได้ว่า มี Revenue Model ที่ชัดเจนแน่นอน.....แต่อย่าไปถามเบื้องหลังของคุณ Joe น่ะคร้ับ  มันไม่ได้ต่างจากรูปข้างบนอย่างแน่นอน ผม     การันตี 1,000% แน่นอนเพราะเขาได้มาเล่าให้ฟังตอนที่ผมเป็น นักเรียน Startup ready รุ่นที่ 1 ซึ่งตอนนั้นผมไม่ได้อินอะไรมากมายหรอกครับ!  แต่พอได้ทำสตาร์ทอัพเป็นของตัวเองต้องยอมรับอย่างลูกผู้ชายครับ ว่ามัน "ควายจริงๆ"  เพียงแต่เป็น "ควายที่มุ่งมั่นในเป้าหมายและสุขใจที่เราได้ทำในสิ่งที่เรามี Passion จริงๆ ครับ"

แล้วคอยพบกับ เหตุผลในลำดับต่อไปน่ะครับ ว่าทำไม "คนชอบทำธุรกิจด้วยแนวคิดของ Startup กัน" และสามารถติดตามผม อาจารย์อ๊ะ-สอนธุรกิจให้คิดแบบ Startup  ได้ที่ช่องทางติดต่อด้านล่างนี้น่ะครับ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าครับ  "ถ้าชอบบทความนี้ ขอแค่ขอบคุณและเป็นกำลังใจให้ผมในการเขียนบทความต่อๆ ไปก็พอแล้วครับ  ส่วนใครชอบก็กดไลท์ใครใช่ก็กดแชร์ได้ครับผม^^"

See you again!

***ติดตาม อาจารย์อ๊ะได้จากช่องทางด้านล่างนี้ครับ

1เฟสบุ๊คส่วนตัว(Facebook Profile)

2.1 เฟสบุ๊คแฟนเพจ1 (Fanpage)
***เน้นเรื่องแรงบันดาลใจ

2.2 เฟสบุ๊คแฟนเพจ2 (Fanpage)
***เน้นเรื่องการสอนธุรกิจให้คิดแบบ Startup

3. ยูทูป(YouTube)

4.อินสตาแกรม(Instagram) 

5.Line@ เพื่อเป็น FC ของอาจารย์อ๊ะ(พิมพ์หา @ajarnah) มีด้วย กดแอดเพิ่มเพื่อนทักมาได้เลยครับ!



ปลถ้าอาจารย์อ๊ะ ถ่ายทอดสด Live เฟสบุ๊ควันไหนจะแจ้ง FC ทุกท่านให้ทราบล่วงหน้าอีกครั้งน่ะใน Line@ น่ะครับ แล้วพบกันครับ

ผลงานเขียนของอาจารย์อ๊ะกับหนังสือชื่อ The Power of Positive Inspiration(แต่งเป็นภาษาอังกฤษที่คนไทยสามารถอ่านเข้าใจได้ง่าย) 
กดดาวน์โหลด(Download) อ่านได้แล้ววันนี้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้เลยครับ!



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น