วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

5 Mindsets ที่เป็นเคล็ดลับจะเปลี่ยนคุณให้เป็นคนฝั่งเดียวกันกับคนสตาร์ทอัพ(Startup) โดย อาจารย์อ๊ะ(The Prince of Startup)


5 Mindsets ที่เป็นเคล็ดลับจะเปลี่ยนคุณให้เป็นคนฝั่งเดียวกันกับคนสตาร์ทอัพ(Startup)
 โดย อาจารย์อ๊ะ(The Prince of Startup)

       สวัสดีอีกครั้งสำหรับเพื่อนๆ ชาวสตาร์ทอัพ(Startup) ทุกคน  บทความนี้เป็นบทความแรกของเดือน พ.ค 2562  อ อ๊ะ หายไปหายวันเลยเนื่องจากติดภารกิจหลายอย่างแต่ อ อ๊ะ กลับมาให้ความรู้สตาร์ทอัพประจำเดือนนี้แล้วครับ และคงจะทยอยลงบทความให้กับเพื่อนๆ ผู้ที่สนใจแนวคิดการทำธุรกิจแบบสตาร์ทอัพกันอย่างต่อเนื่องเลยน่ะครับ...สัญญา ณ ร้านสตาร์บัตแห่งหนึ่งริมถนนศรีนครินทร์ จ.กรุงเทพ





   ลุย!!!  มาต่อกันครับ!!!!!

"ช่วงนี้มีหลายคนมาขอคำปรึกษาการทำธุรกิจสตาร์ทอัพกับ อ อ๊ะ เยอะมากส่วนใหญ่ก็ โทรมาคุยแล้วสอบถามว่า ผมจะทำอย่างนั้น ทำอย่างนี้ เพราะผม/หนู ชอบค้นพบตัวเองว่าผมหรือหนูชอบแบบนี้...........ว่าแล้ว อ อ๊ะ เลยต้องเขียนบทความนี้ขึ้นมาทันที เพราะเริ่มจะเห็นแนวโน้มของคนที่จะทำ สตาร์ทอัพมี แนวคิดหรือ Mindset ในการเริ่มต้น, ระหว่างทางหรือปลายทางที่ออกจะผิดแปลกไปจากคนที่ทำสตาร์ทอัพจริงๆ  ดังนั้น อ อ๊ะ จึงรวบรวม 5 Mindsets ที่เป็นเคล็ดลับจะเปลี่ยนคุณให้เป็นคนฝั่งเดียวกันกับคนสตาร์ทอัพ(Startup) จริงๆ  ถ้าเปรียบเทียบกับหนังสือชื่อดังระดับโลกก็คือ เราจะพยายามเปลี่ยนแนวคิดจากคนทำงานประจำให้กลายเป็นเจ้าของธุรกิจหรือนักลงทุนในหนังสือ Rich Dad Poor Dad นั่นเอง ดังนั้น มนุษย์สตาร์ทอัพทุกคนจำเป็นต้องทราบเคล็ดลับเหล่านี้ครับ! มาดูกันว่า แต่ละเคล็ดลับที่ อ๊ะ บอกนั่นเรามีกันครบไหม?   เริ่มจาก


Mindset ที่ 1:  Mindset ของผู้ประกอบการ 

              ผู้ประกอบการคืออะไรครับ?  ความเป็นผู้ประกอบการหน้าตามันเป็นอย่างไร?

-ถ้าคุณคิดว่าคุณกำลังทำในสิ่งที่คุณรู้ดีมากกว่าคนอื่น?
-ถ้าคุณคิดว่าสิ่งที่คุณทำมันมาจากไฟปราถนาที่พร้อมจะปลุกคุณให้ลุกขึ้นมาทำงานนั้นได้โดยไม่มีใครสั่ง?
-ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้อะไรได้ง่ายๆ เรียกว่า ไม่ล้มเลิกหากล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า
-ถ้าคุณคิดว่าสิ่งที่คุณทำมันจะยิ่งใหญ่และเป็นประโยชน์กับทุกคน
-ถ้าคุณมีพลังความเชื่อมากล้นจนสามารถผลักดันให้คุณสามารถชนะทุกอุปสรรค
-ถ้าคุณคิดว่าคุณมีทางออกในทุกปัญหา
-ถ้าคุณคิดว่าโชคชะตาไม่สามารถมาขัดขวางความสำเร็จของคุณ
-ถ้าคุณคิดว่างานที่คุณทำมันจะสร้างคุณค่าให้กับผู้คนมหาศาล
-ถ้าคุณคิดว่าความพ่ายแพ้จะเป็นบทเรียนทำให้คุณประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น
-ถ้าคุณคิดว่าทีมงานคือสิ่งที่จำเป็นเพราะคุณไม่สามารถทำอะไรได้ทุกๆ อย่างเพราะทุกคนมีความถนัดเฉพาะตัวความสำเร็จต้องขึ้นกับทีมงานและจิตวิทยาในการบริหารจัดการบุคคลเพราะคนไม่ใช่หุ่นยนต์ที่ไม่มีชีวิตและจิตใจ

ถ้าเพื่อนๆ ส่วนใหญ่ คำตอบคือ "ใช่" มากกว่าครึ่งหนึ่งจาก 10 ข้อ คุณเริ่มมี  Mindset ของผู้ประกอบการ  แล้วครับแต่ถ้าท่านใดมี คำตอบว่า "ใช่" มากกว่า 7/10 ข้อขึ้นไป ขอเเสดงความยินดีด้วยครับ ว่าคุณมี Mindset ของผู้ประกอบการ อย่างแน่แท้ และผมกำลังจะบอกว่า คุณเหมาะกับการทำธุรกิจแบบสตาร์ทอัพมาก....ส่วนเพื่อนๆ ที่มีคำตอบว่า "ไม่ใช่"  สตาร์ทอัพอาจจะไม่ใช่คำตอบของคุณแน่นอนครับ! เพราะที่ผมเขียนมาเหล่านี้คือ  Mindset ของผู้ประกอบการ และคนฝั่งสตาร์ทอัพทุกคนล้วนต้องมี  Mindsets เหล่านี้ ไม่เชื่อลองไปถามพวกเขาดูครับ เราจะพบคำตอบว่า "ใช่"  แทบจะทุกข้อ หรือเรียกว่า มีทุกข้อจะดีกว่าครับ!  
       

Mindset ที่ 2:  สตาร์ทอัพทุกคนเป็นคนที่มี Growth Mindset มากกว่า Fixed Mindset

               ข้อนี้สำคัญมากเพราะคนที่จะกระโดดเข้ามาทำธุรกิจสตาร์ทอัพต้องมุ่งที่จะผลักดันให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างรวดเร็ว(Scalable) ได้ภายใน 1-3 ปี อาจจะเป็นจำนวนผู้ใช้งาน, รายได้ที่ก้าวกระโดด, การขยายตัวทั้งแนวดิ่งและแนวราบ, การสร้างพันธมิตร(Partner) ทางธุรกิจ, ความไม่หยุดนิ่งและไม่มองทุกอย่างเป็นข้อจำกัด(Limitation) เหมือนคนฝั่ง Fixed Minset  ดังนั้น Growth Mindset  เป็นสิ่งที่จำเป็นมากในคนทำสตาร์ทอัพและที่สำคัญ "ไม่เคยมีใครมาบอกคุณก่อน!" และคนที่เป็นสตาร์ทอัพจริงๆ เขาก็อาจไม่รู้จักคำนี้เพียงแต่เขาทำมันทุกวันฝึกมันทุกวันจนเป็นนิสัยที่ไม่มีใครบอกเขานั่นเอง...ที่สำคัญ "คุณเป็นคนๆ นั่นหรือเปล่า?"


Mindset ที่ 3:  สตาร์ทอัพทุกคนจะเอาลูกค้าเป็นที่ตั้งไม่ใช่ความชอบเป็นที่ตั้ง

                ตอนเริ่มธุรกิจสตาร์ทอัพใหม่ๆ เราอาจจะเอาความชอบ(Passion) ของเราเป็นที่ตั้งพอทำสตาร์ทอัพไปสักระยะเราจะเปลี่ยนมุมมองครับ(On the other  hand)  เราจะไปฟังเสียงลูกค้าซะส่วนใหญ่เหมือนกับที่ผมหรือสตาร์ทอัพทุกคนต้องออกไปพบลูกค้าบ่อยๆ ครับ  "จงเลิกใช้เวลาอยู่แต่ในห้องประชุมต้องออกไปเอาความจริง Feedback ของลูกค้า" เพื่อกลับมาทำ MVP ครับ (MVP, Minimum Viable Product) ผลิตภัณฑ์ที่มีฟังก์ชั่นน้อยที่สุดที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าของเราได้และที่สำคัญวิธีการนี้เป็นการให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการออกแบบผลิตภัณฑ์หรือ ภาษาสตาร์ทอัพจะใช้คำว่า การคิดเชิงออกแบบ(Design Thinking) นั่นเองลองไปหาหนังสืออ่านดูน่ะครับเพราะมันคือ Mindset ของข้อที่ 3 นี่ แหล่ะครับ!  คนส่วนใหญ่ไม่ผ่านข้อนี้เพราะเวลาเริ่มต้นทำสตาร์ทอัพจะยึดติดกับตัวเองเป็นหลัก! จริงหรือไม่ ลองถามใจตัวเองดูครับ? 


Mindset ที่ 4:  สตาร์ทอัพทุกคนมองธุรกิจคือการทดลอง(Experiment)

               คนที่ทำธุรกิจสตาร์ทอัพทุกคนต้องเขียนแผนธุรกิจเป็นแต่ไม่ใช่แผนธุรกิจระดับ 30-100 หน้าเหมือนสมัยก่อนน่ะครับ แต่เป็นแผนธุรกิจแค่ 1 หน้าแนวนอนที่มี 9 ช่องที่เรียกว่า Business Model Canvas หรือ Business Model Lean Canvas หรือ ใครจะใช้คำว่า Business Model Generation  ของเจ้าพ่ออีกคนในวงการสตาร์ทอัพที่ชื่อว่า คุณ Alexander Osterwalder ก็สุดแท้แต่จะเรียกมันว่าอะไร? หรือจะใช้ Lean หรือ ไม่ Lean Canvas จะทดสอบ Problem-Solution fit ก่อน หรือ Product-Market fit ก่อน หรือ จะไปหา Key Partner รอไว้ก่อนประกบด้วย Unfair Advantage ของเราให้เหนือกว่าคู่แข่งเข้าไว้  blah blah blah  ประเด็นของผมก็ คือ "ผมไม่ได้ให้มาสอนเขียนแผนธุรกิจให้เก่งเพราะมันต้องเป็นหน้าที่ปกติของแต่ละคนอยู่แล้ว" แต่ผมกำลังจะบอกว่า ทุก Business Model ที่ทำไว้ตอนแรกอาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบนั้น!  ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไปหรือเทคโนโลยีผ่านไปเราจะต้อง Pivot(ลองเปลี่ยนปัจจัยในแผนธุรกิจของเราครับ)  "ถ้าสุดท้ายแผนนั้นไม่ Work ก็คือไม่ Work อย่าไปเสียดายมันครับ!"  แต่ให้รีบ Fail Fast เพื่อ Growth fast จะดีกว่าครับ....ผมเตือนด้วยความปราถนาดีน่ะครับ^^


Mindset ที่ 5:  สตาร์ทอัพต้องไม่เป็น Hero คนเดียวเพราะทีมคือหัวใจสำคัญที่สุด

                หลายคนงงกับประโยคนี้ว่าทำไม?  "ผมมาเฉลยความจริงที่เป็นเคล็ดลับของ Mindset ข้อนี้ดีกว่าครับ" หลายคนที่เป็น SME  มาก่อนทุกคนยังเริ่มต้นธุรกิจคนเดียว ทำคนเดียว ลุยคนเดียว สุดท้าย(เจ๊งคนเดียว 5555 หรือเปล่าครับ!!) ผมล้อเล่นน่ะครับ มีหลายครั้งที่ผมได้ยินคณะกรรมการตัดสินคนที่มา Pitch งานรวมทั้งตัวผมด้วยที่บางครั้งก็เป็นหนึ่งในคณะกรรมการคัดเลือกน้องๆ พี่ๆ สตาร์ทอัพ  แปลกแต่เรื่องจริงครับ ที่ว่า "ไอเดียที่ไม่ Work ผมกลับเฉยๆ แต่ถ้าดูทีมแล้วไม่ Work" ผมจะไม่ให้ผ่านครับ!!  เพราะผ่านไปทีมก็แตกแยกอีก แต่ถ้าทีม Work ก็ สามารถหาไอเดียสตาร์ทอัพได้เรื่อยๆ ดังนั้น เรื่องสตาร์อัพ "เรื่องทีมสำคัญมากกว่าไอเดียที่สุดยอดครับ!" อันนี้เป็นเคล็ดลับที่ไม่ค่อยมีใครกล้ามาบอกตรงๆ แบบผมนี่ล่ะครับ  กับ  อาจารย์อ๊ะ-สอนธุรกิจให้คิดแบบ Startup  แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าครับผมและสามารถติดตามผมได้ที่ช่องทางด้านล่างเหล่านี้ รวมถึงสามารถเป็น FC ของผมเพื่อรับข้อมูลธุรกิจสตาร์ทอัพและแนวคิดทางธุรกิจและเรื่องราวที่เป็นแรงบันดาลใจอีกมากมายได้ที่ ไลน์ พิมพ์หา ที่ @ah99 (มี@) แล้วพบกันครับ!  "เหล่ามิตรรักแฟนคลับสตาร์ทอัพของอาจารย์อ๊ะทุกคน" 


-ด้วยรัก-

อาจารย์อ๊ะ-สอนธุรกิจให้คิดแบบ Startup
(The Prince Of Startup)


"ถ้าชอบบทความนี้ ขอแค่ขอบคุณและเป็นกำลังใจให้ผมในการเขียนบทความต่อๆ ไปก็พอแล้วครับ  ส่วนใครชอบก็กดไลท์(Like) ใครใช่ก็กดแชร์(Share) ได้ครับผม^^"

See you again!

***ติดตาม อาจารย์อ๊ะได้จากช่องทางด้านล่างนี้ครับ

1เฟสบุ๊คส่วนตัว(Facebook Profile)

2.1 เฟสบุ๊คแฟนเพจ1 (Fanpage)
***เน้นเรื่องแรงบันดาลใจ

2.2 เฟสบุ๊คแฟนเพจ2 (Fanpage)
***เน้นเรื่องการสอนธุรกิจให้คิดแบบ Startup

3. ยูทูป(YouTube)

4.อินสตาแกรม(Instagram) 

5.Line@ เพื่อเป็น FC ของอาจารย์อ๊ะ(พิมพ์หา @ajarnah) มีด้วย กดแอดเพิ่มเพื่อนทักมาได้เลยครับ!


ปลถ้าอาจารย์อ๊ะ ถ่ายทอดสด Live เฟสบุ๊ควันไหนจะแจ้ง FC ทุกท่านให้ทราบล่วงหน้าอีกครั้งน่ะใน Line@ น่ะครับ แล้วพบกันครับ

ผลงานเขียนของอาจารย์อ๊ะกับหนังสือชื่อ The Power of Positive Inspiration(แต่งเป็นภาษาอังกฤษที่คนไทยสามารถอ่านเข้าใจได้ง่าย) 
กดดาวน์โหลด(Download) อ่านได้แล้ววันนี้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้เลยครับ!